แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แรงบันดาลใจ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แรงบันดาลใจ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดี, เมษายน 22, 2564

ศาสตร์แห่งการวิ่ง

 การวิ่งมันดียังไง

        ผมเขียนเรื่องนี้เพื่อแชร์ประสบการณ์ในการวิ่ง เหมือนเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันหรืออ่านผ่านเพื่อความบันเทิง เพราะผมเองก็เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ชื่นชอบการวิ่งมาตั้งแต่แรกและไม่ได้เป็นนักกีฬาจริงจัง อย่างมากก็เคยวิ่งในกีฬาสีของโรงเรียนตอนประถมเท่านั้น บางอย่างเป็นข้อผิดพลาดที่ผมเรียนรู้ บางอย่างเป็นคำแนะนำจากผู้ใหญ่ที่ผมได้พบตอนออกไปวิ่ง ซึ่งผมต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านมานะที่นี้ด้วย

        สิ่งแรกเลยที่ผมคิดสำหรับกีฬาวิ่ง คือมันสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ต้องมีทีม ไม่เลือกเวลาฝึกซ้อม(อันนี้วิ่งเพื่อสุขภาพนะ) ไม่นับรวมกับการวิ่งเพื่อล่ารางวัล แบบหลังนั้นคุณต้องมีวินัยในการฝึกซ้อมอย่างจริงจัง และต้องตั้งใจจริง ๆ สิ่งดีที่ตามมาสำหรับกีฬาวิ่งนี้คือ อุปกรณ์น้อยมาก แค่รองเท้าดี ๆ กับถุงเท้าที่ใส่สบาย กับเสื้อยืดและกางเกงสำหรับวิ่ง และสถานที่คุณชอบ และที่จะลืมไม่ได้คือ "ใจ" ที่อยากจะวิ่ง เพราะต่อให้รองเท้า บรรยากาศ และความพร้อมมากแค่ไหนแต่แค่คุณไม่อยากจะไป ทุกอย่างก็จบ

 

จุดเริ่มต้นของการวิ่ง

        แน่นอนเราไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ ผมเริ่มต้นด้วยรองเท้าผ้าใบกับใจที่เริ่มอยากจะวิ่งเท่านั้นเหตุผลที่ผมมาเริ่มวิ่งในวัยเกือบ 40 ปี เท่าที่นึกออก ก่อนที่พี่ตูนจะวิ่งข้ามประเทศ ก็คือว่าอยากออกกำลังกายแบบไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ ได้เจอคนเวลาไปวิ่งที่สนาม ทำให้เรารู้สึกไม่ได้อยู่คนเดียว(ทั้งที่่เราก็วิ่งคนเดียว) และเหตุการณ์นึงคือได้ไปวิ่ง 10 กิโลเมตรที่รายการขุนด่านมาราธอน จังหวัดนครนายก ตอนนั้นแค่เริ่มวิ่ง ก็คิดว่าแค่ 10 กิโลเองไม่น่าจะเท่าไหร่ จำได้ว่า สองสามกิโลเมตรแรกนั้นสบายมากวิ่งแซงคุณป้าคุณลุงและคนอื่น ๆ อีกหลายคน แต่เมื่อเริ่มขึ้นสันเขื่อนไปจุดกลับตัวก็เหมือนมีอะไรมาดึงขาเราไว้ และหลังจากนั้นทุกคนที่เคยวิ่งคงนึกออก ขาเริ่มช้าลง เลยหลักกิโลเมตรที่ห้ากับหก เริ่มก้าวไม่ออก คุณลุงคุณป้าที่วิ่งช้าแบบเรื่อย ๆ เริ่มตามมาทัน ช่วงกลับตัวบนสันเขื่อนเริ่มจะเป็นลมละและแน่นอน บางคนก็แซงผมไปในช่วงท้าย ๆ  จากเหตุการณ์นี้ผมเริ่มรู้เลยว่า "การวิ่ง" กับ "การวิ่งแข่ง" ช่างแตกต่างกัน การพ่ายแพ้คราวนั้นทำให้ผมเริ่มกลับมาวิ่งจริงจังและอยากจะชนะในการจัดของปีต่อไป


เริ่มต้นฝึกซ้อม

         ผมโชคดีอย่างหนึ่งคือในหมู่บ้านมีซอยกว้างพอให้เราวิ่งออกกำลังกายได้และตอนเย็น ๆ ก็จะมีคุณลุงคุณป้าเดินเล่นบ้าง วิ่งเล่นบ้างประปราย ทำให้ออกไปวิ่งโดยไม่เก้อเขินเท่าไหร่ และอีกอย่างเวลาผมทำงานต่างจังหวัดก็มีที่ให้วิ่ง (สวนใหญ่ผมไปวิ่งที่สวนนำ้บุ่งตาหลัว) แรกๆ ที่เริ่มวิ่ง ใส่รองเท้าเสร็จก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ และก็เริ่มสปีดไปเรื่อยๆ  ประมาณกิโลเดียวก็เดินยาวเลยแต่สนามบุ่งตาหลัวรอบนึงก็ประมาณสามกิโลเมตร เหมือนบังคับในเราต้องเดินจนครบรอบเพื่อไปให้ถึงที่จอดรถไว้ ...แน่นอน ตอนเช้ามาขาปวดร้าว ก้าวแบบเจ็บ ๆ เมื่อวิ่ง หลายๆ วันเข้าเราก็ไม่อยากวิ่งอีก เพราะเราคิดว่าการวิ่งต้องวิ่งทุกๆ วันเพื่อให้ร่างกายอยู่ตัว ไม่ถึงเดือนร่างกายก็ล้าจนใจไม่อยากออกไปวิ่งอีก เลยเริ่มหันมาศึกษาว่านักวิ่งเก่ง ๆ เค้าวิ่งกันอย่างไร

 

แรงบันดาลใจในการวิ่งแข่ง

           ในเมื่อเราตั้งใจจะซ้อมเพื่อลงแข่งในปีหน้าแม้จะเป็นแค่ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่แค่ 10 กิโลเมตร แต่ผมก็อยากจะวิ่งให้ถึงเส้นชัยโดยไม่บาดเจ็บและอยากรู้ว่าศักยภาพของเรากับคนที่อายุระดับเดียวกันเป็นอย่างไร ผมเริ่มหาข้อมูลของนักวิ่งไกลระดับโลก ตอนนี้เองที่ผมเริ่มรู้จักนักวิ่งมาราธอนระดับโลก อย่างเช่น
         - Eliud Kipchoge (เอเลียด คิปโชเก้) คนนี้เป็นขวัญใจของผมเลยที่เดียว

         - Wilson Kipsang Kiprotich (วิลสัน คิปแซง) เป็นคนที่วิ่งแล้วดูแบบสบาย ๆ

         - Mohammed Farah หรือ (โม ฟาราห์) คนนี้ชอบที่เค้าเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและมุ่งมั่น

         - Kenenisa Bekele  (เคเนนิซ่า เบเกเล่) เป็นคนมุ่งมั่นแต่เอาชนะเลยลดความชอบมาหน่อย

         แต่ทั้งนี้ทุกคนที่กล่าวมาผมชอบทุกคนและนำเอารูปแบบการฝึกมาปรับใชักับตัวเอง

  

วิ่งให้สนุกต้องวิ่งกับรองเท้าที่ใส่แล้วมีความสุข

         ส่วนใหญ่เราคิดว่าการใส่รองเท้าวิ่งไม่ค่อยจำเป็น รองเท้าอะไรก็ใส่วิ่งออกกำลังกายได้ เป็นความจริงแค่ส่วนหนึ่ง นั่นเพราะถ้าคุณวิ่งเหยาะ ๆ หรือเดินเล่นเป็นครั้งคราว รองเท้าวิ่งก็ไม่ได้จะจำเป็นเท่าใดนัก แต่ถ้าคุณต้องการฝึกซ้อมหรือวิ่งอย่างจริงจังแล้วละก็ ผมแนะนำให้หารองเท้าดีๆ ซักคู่มาใส่ เพราะจะทำให้คุณมีความสุขกับการวิ่งอย่างแท้จริง คุณจะไม่เบื่อกับการซ้อมวิ่งทุกๆ วัน คุณจะวิ่งได้ไกลมากขึ้น ข้อเข่าคุณจะไม่ถูกกระทบกระเทือนจนเกินไป น่องของคุณจะไม่ปวดมาก และข้อเท้าของคุณจะทำงานได้อย่างเต็มที่ ผมคิดว่าเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่คุณควรลงทุนเพราะมันคุ้มค่ามาก ผมใส่รองเท้าผ้าใบวิ่งฝึกซ้อมเมื่อตอนเริ่มวิ่งใหม่ๆ เพระผมคิดว่ารองเท้าใส่วิ่งค่อนข้างแพงและไม่จำเป็น แต่มีอยู่วันหนึ่งผมเดินผ่านร้านรองเท้าของ ASIC มีรองเท้าสำหรับวิ่งรุ่นเก่านำมาลดราคา ผมเลยเลือกมาคู่นึง หลังจากนั้นการวิ่งของผมก็เปลี่ยนไป ขาไม่ค่อยเมื่อย วิ่งสบายขึ้น ไม่ค่อยล้าตอนตื่นนอนตอนเช้า ที่สำคัญรองเท้าแทบจะไม่มีกลิ่นอับเลย และเมื่อสวมใส่ตาข่ายด้านหน้าของรองเท้าจะระบายความร้อนเวลาเราวิ่งไปนานๆ ทำให้เท้าของเราวิ่งได้ไกลขึ้น  สำหรับคนที่ไม่เชื่อผมขอให้คุณไปเลือกรองเท้าวิ่งดี ๆ สักคู่หนึ่งเอาแบบที่ใส่แล้วคุณสบายที่สุด ลองสีที่ชอบ ยี่ห้อที่คุณมั่นใจ ในราคาที่คุณพอจ่ายได้ ไม่จำเป็นต้องแพงมาก แต่ขอให้คุณสบายที่สุด และคุณจะรักการวิ่งเหมือนผม (ปล.รองเท้าคู่แรกของผมใส่ได้ประมาณสามปี พื้นสึกหรอไปน้อยมาก แต่ต้องเปลี่ยนเพราะนิ้วก้อยเท้าโผล่)

 

 วิ่งเก่งไม่จำเป็นต้องวิ่งทุกวัน

           ก่อนหน้านี้ผมวิ่งแทบจะติดๆ กัน วิ่งระยะ 5-6 กิโลเมตร เพราะคิดว่าการซ้อมหนักทุกวันจะทำให้เราวิ่งได้ไกลขึ้นและไวขึ้น แต่ไม่ใช่แบบนั้นเลย วันหลังๆ ของการวิ่งร่างกายจะล้าแม้เราจะฝืนแต่ก็ยังยิ่งแย่ ทำให้เราต้องหยุดและก็กลายเป็นความขี้เกียจไปเลย แถมบางครั้งวิ่งระยะทาง 10 กิโลเมตรยาวๆ ยิ่งทำให้ล้าแบบหยุดยาว จากการดูการศึกษาการฝึกซ้อมของเหล่านักวิ่งระดับโลก ไม่มีใครวิ่งโดยไม่หยุดพัก แต่คำว่าพักของเค้านั้นอาจจะเป็นการวิ่งช้าๆ ในบางวัน เมื่อคุณวิ่งคุณจึงต้องมีตารางในการวิ่ง ซึ่งในอินเตอร์เนตนั้นมีข้อมูลที่คุณต้องการอยู่แล้วแทบทุกระยะไม่ว่าจะเป็น 10KM.  25KM.  หรือแม้แต่ระยะมาราธอน 42.195KM. สิ่งสำคัญคือวิ่งแล้วคุณต้องพักเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวครับ

 

ชุดใส่วิ่งสำคัญยังไง

           ชุดใส่วิ่งออกกำลังกายสำคัญด้วยเหรอ... เหมือนเดิมครับคุณใส่ชุดอะไรก็ได้ถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกายหรือวิ่งอย่างจริงจัง แต่ถ้าไม่ใช่แนะนำให้หาซักสองหรือสามชุดครับ ไม่ได้ใส่เพื่อโชว์ว่าคุณเป็นนักวิ่ง แต่อยากให้คุณนึกถึงสภาพของใส่กางเกงยีนส์และเสื้อแขนยาววิ่ง ตอนเหงื่อออกเสื้อจะเริ่มไม่ระบายความร้อนในขณะที่ร่างกายคุณต้องการการระบายอย่างดีที่สุด การก้าวเท้าของคุณจะถูกดึงไว้ด้วยผ้ายีนส์ ทำให้ท่าทางในการวิ่งของคุณผิดธรรมชาติและอาจถึงทำให้บาดเจ็บ เมื่อคุณเริ่มสปีดการวิ่ง กางเกงยีนส์ขายาวจะรั้งความเร็วของคุณไว้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากจะแนะนำก็คือ กางเกงที่ระบายเหงื่อและความร้อนได้ดี เสื้อก็เช่นเดียวกัน เพราะเนื้อผ้าบางอย่างอาจจะสบายตอนวิ่งแรกๆ แต่เมื่อเปียกเหงื่อเนื้อผ้าจะแนบติดไปกับลำตัวให้เราเคลื่อนไหวลำบากเมื่อวิ่งไปนานๆ

 

สนามซ้อมสำคัญมั๊ย 

           ไม่น่าเชื่อว่าสนามซ้อมจะสำคัญในการฝึกซ้อมวิ่งด้วย แต่สำหรับผมมันเป็นความจริงครับ ถ้าใครเคยดูนักวิ่งระดับโลกซ้อมวิ่งกัน เค้าไม่ได้มีสนามดีๆ วิ่งด้วยซ้ำ บางทีเป็นทางขรุขระกันดารผ่านหมู่บ้านและพื้นที่ที่มีออกซิเจนต่ำ (นักวิ่งเคนย่าจะได้เปรียบเพราะอยู่บนพื้นที่สูงอากาศเบาบางทำให้ชินต่อการใช้ออกซิเจนที่ต่ำกว่าปกติแต่ใช้แรงได้เท่าปกติ เมื่อมาวิ่งบนพื้นที่ราบจะทำให้วิ่งได้ดีขึ้นเพราะออกซิเจนพื้นราบมีมากกว่านั่นเอง) สนามวิ่งก็เป็นพื้นดินธรรมดา แต่ส่วนใหญ่จะซ้อมเป็นกลุ่มวิ่งไปด้วยกัน หรือนักวิ่งบางคนอย่าง Sir Mo Farah ก็จะวิ่งไปตามถนนหรือในสวนสาธารณะในตอนเช้าๆ ประเด็นก็คือ ถ้าคุณซ้อมในหมู่บ้านถนนคอนกรีตและไม่มีรองเท้าที่รับแรงกระแทกดีๆ แล้ว เข่าคุณอาจจะปวดมากกว่าการที่คุณซ้อมในสนามหญ้า เพราะฉะนั้นอยากให้คุณซ้อมในพื้นที่ที่หลากหลาย เพื่อให้ข้อเท้าของคุณได้เปลี่ยนจุดรับน้ำหนักบ้าง เปลี่ยนความเร็ววิ่งสลับช้าบ้างเพื่อให้เข่าของคุณได้เปลี่ยนจุดกระแทกให้ทั่วถึง และที่สำคัญถ้าคุณวิ่งซ้อมในสนามที่คนวิ่งกันเยอะๆ คุณจะมีเพื่อนวิ่งทำให้คุณเพลิดเพลินกับการวิ่งและวิ่งระยะทางได้ไกลโดยไม่รู้ตัว  หรือบางสนามคุณอาจจะเจอกลุ่มวิ่งจริงจัง ถ้าอยากพัฒนาปอดกับกล้ามเนื้อ...วิ่งตามกลุ่มเขาไปเลย!! 


นาฬิกากับการวิ่ง

           การที่เราจะพัฒนาตัวเองให้วิ่งได้ไกลขึ้นหรือใช้เวลาให้น้อยลง สำหรับบางคนก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้นาฬิกาแพงๆ เพื่อใช้จับเวลาและดูระยะทาง สำหรับผมตอนวิ่งแรกๆ ผมจะจับเวลาจากนาฬิกาดูเวลาแต่เป็นแบบดิจิตอล กดเวลาเริ่มจนกดหยุดเมื่อครบรอบ ทุกๆ ครั้งที่ไปวิ่งผมจะทำแบบนี้เมื่อครบรอบก็จะกดว่าเราใช้เวลาไปเท่าไหร่ อย่างเช่นรอบบุ่งตาหลัวประมาณ  3.2 Km. วันนี้ผมวิ่งได้ประมาณ 18 นาที ถ้าผมวิ่งในงานแข่งจริง ผมจะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ในระยะทางประมาณ 10 Km. ผมจะคิดง่ายๆ ที่ 9.6 Km. คือเอาสามคูณเวลาก็จะประมาณ 54 นาที แต่นั่นเป็นเวลาคร่าวๆ เพราะเมื่อเราวิ่งรอบที่สองกับสามเราจะเหนื่อยและวิ่งช้าลงไปเรื่อย ๆ แต่นั่นก็ทำให้เราทราบว่าเมื่อเราฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ เวลาควรจะลดลงไป เราจะได้มีเวลาอ้างอิง      แต่เมื่อนาฬิกาสมาร์ทวอชราคาถูกลงเรื่อยๆ และผมคิดว่าผมจะวิ่งอย่างจริงจัง ผมก็จำเป็นต้องซื้อมาเพื่อจับเวลาและแทรคเส้นทางที่วิ่ง(ซื้อมือสองมา) เหตุผลก็เพราะว่าคุณไม่วิ่งสนามเดียวประจำ และอีกอย่างคุณวิ่งระยะเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำเป็นต้องกดนาฬิกาทุกรอบ อันนี้คือความต้องการของผมที่คิดว่าจำเป็นและมันก็ช่วยได้จริง ๆ ..สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือถ้าคุณวิ่งจริงจังหาซื้อนาฬิกาที่มี gps ในตัวที่แม่นยำซักหนึ่งเรือน เพราะมันช่วยคุณให้พัฒนาได้ แต่ถ้าไม่มีจำเป็นต้องซื้อมั๊ย ตราบใดที่คุณมีความสุขกับการวิ่ง บางครั้งนาฬิกาก็ไม่ได้จำเป็น...


สิ่งสำคัญสุดท้ายคือใจในการออกไปวิ่งและอยากชนะ

             บางคนวิ่งเพื่อสุขภาพ บางคนวิ่งเพื่อล่ารางวัล บางคนวิ่งเพราะเทรนด์กำลังมา แต่ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดแค่คุณเริ่มต้นมันก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว สิ่งที่ผมได้บอกไปในแต่ละหัวข้อตอนต้นถึงมันจะสำคัญก็จริง แต่ถ้าคุณไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ใจที่อยากจะวิ่ง ..คุณจะวิ่งได้ไม่นาน เหตุผลที่ผมอยากจะชนะในการวิ่งขุนด่านมาราธอนในการวิ่งครั้งหน้า เป็นเพียงการตั้งเป้าหมาย ไม่อย่างนั้นผมจะล้มเลิกกลางคัน มันทำให้ผมรู้ว่าผมวิ่งเพื่ออะไรในวันที่ผมขี้เกียจ และแน่นอนผมได้ที่สองของรุ่นอายุ 40-45 ปี ในการวิ่งปีถัดมา ซึ่งผมก็ไม่ได้วิ่งเก่งอะไรแต่เป็นเพราะว่าปีนั้นมีการวิ่งแข่งสนามใหญ่ๆ หลายงาน นักวิ่งมีฝีมือต่างกระจัดกระจายไปวิ่งงานใหญ่ๆ กันหมด ผมเลยมีโอกาสแต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอและใจที่อยากจะเอาชนะ ทุกคนมีศักยภาพไม่ว่าเรื่องใดๆ ซึ่งผมได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว แต่ใช่ว่าการวิ่งจะเหมาะกับทุกคน อยากให้ทุกคนประเมินตัวเราเองด้วย อย่าพยายามฝืน เพราะทุกคนไม่ได้เกิดมาเหมือนกัน เพียงแต่การวิ่งสำหรับผมมันสามารถทำให้ผมเข้าใจชีวิตมากขึ้น พาตัวเองออกไปเจอธรรมชาติและผู้คนมากขึ้น ทำให้ผมเบิกบานและมีความสุข ถ้าจะบอกว่าการวิ่งเปลี่ยนแปลงเรายังไง อยากให้ทุกคนออกไปวิ่งด้วยตัวคุณเอง เริ่มต้นจากเดินก่อนก็ได้ แล้วค่อยวิ่งเหยาะ ๆ จากนั้นถ้ามันใช่ ใจคุณจะบอกคุณเอง.....สนุกกับการวิ่งกันนะครับ

วันศุกร์, สิงหาคม 15, 2557

มุมมองของช้อนที่ยาวหนึ่งเมตร



มุมมองของช้อนที่ยาวหนึ่งเมตร

     ....จำไม่ได้แล้วว่าได้ยินเรื่องของช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรมาจากที่ใด แต่สาระของเรื่องนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจและกลับมาให้แง่คิดในหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งนั่นมาพร้อมกับความสุขและความอิ่มใจ เรื่องราวของช้อนยาวหนึ่งเมตรนี้เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจให้ในบางครั้งการจะทำอะไรให้สำเร็จ เราก็แค่เพียงตักอาหารที่ดีที่สุดแล้วป้อนใส่ปากของคนที่อยู่ตรงข้ามเรา แทนที่จะพยายามตักอาหารที่อร่อยที่สุด แล้วพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะป้อนใส่ปากเรา ทั้งทั้งที่เราก็รู้อยู่แล้วว่าช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรที่ใช้ตักอาหารนั้นไม่มีทางทำให้เราอิ่ม...
          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ได้มีชายคนหนึ่งอยากรู้เหลือเกินว่า นรก กับ สวรรค์ ต่างกันอย่างไร ในค่ำคืนหนึ่งขณะที่กำลังหลับได้มีเทวดาองค์หนึ่งพาเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนั้นงดงามจนสุดจะบรรยาย มีต้นไม้ร่มรื่น มีลมพัดเย็น ดูแล้วน่าจะเป็นสวรรค์มากกว่านรก เทวดาได้พาชายหนุ่มคนนั้นมาหยุดที่ห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องนั้นประดับประดาไปด้วยอัญมณีและสิ่งของมีค่า กว้างขวาง โอ่อ่า ตรงกลางห้องมีโต๊ะกินข้าวกว้างประมาณหนึ่งเมตร มีผู้คนทั้งชายหญิงนั่งคละกันไปแต่แบ่งเป็นสองฝั่งแค่เงยหน้าทุกคนก็จะเห็นคนอีกฝั่งได้อย่างชัดเจน ตรงหน้าของแต่ละคนมีจานอาหารหนึ่งใบพร้อมด้วยอาหารรสเลิศที่ดูดีมีสีสันน่ากิน และอาหารแต่ละคนล้วนตักมาจนพูนจาน ทางด้านขวามือของแต่ละคนมีช้อนคนละหนึ่งคัน แต่...ช้อนนั้นมีความยาวประมาณหนึ่งเมตรและมีด้ามจับอยู่ตรงปลาย ชายหนุ่มสังเกตเห็นรูปร่างแต่ละคนในห้องนั้นล้วนผอมโซแล้ว ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจนัก  เจ้ามาได้เวลาอาหารกลางวันพอดี กฎของที่นี่คือทุกคนต้องใช้ช้อนตักอาหารเท่านั้น และมีเวลากินเพียงสิบห้านาที เทวดากล่าว เริ่มได้.... สิ้นเสียงของคำพูด ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว ต่างก็รีบหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความยาวของช้อน กว่าจะตักแล้วยื่นใส่ปาก ก็ลำบากมาก แถมกว่าจะส่งเข้าปาก อาหารนั้นก็หกหล่นตามพื้นเต็มไปหมดเนื่องจากมือที่สั่น  ที่เหลือติดช้อนนั้นก็มีเพียงนิดเดียว และยิ่งเวลากระชั้นชิดเข้ามา ทุกคนต่างก็ยิ่งรีบ ยิ่งรีบก็ยิ่งหก  นี่เองที่เป็นสาเหตุให้ทุกคนที่นี่ล้วนดูอดอยากทั้งที่มีอาหารดี ๆ อยู่เต็มไปหมด ชายหนุ่มคิด...ก่อนจะเดินออกมาจนสังเกตเห็นประตูหน้าห้องที่เขียนว่า ...ห้องสำหรับคนตกนรก....
       ถัดจากห้องสำหรับคนตกนรกมาอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน มีป้ายติดไว้ว่า ...ห้องสำหรับคนขึ้นสวรรค์...  ห้องนี้จะเป็นอย่างไรกันนะ มันคงจะแตกต่างจากห้องนรกน่าดู    แต่เมื่อเทวดาเปิดประตูออกมา ก็ทำให้เขาประหลาดใจเพราะทุกอย่างในห้องล้วนเหมือนกันกับห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมารวมทั้งกฏในการทานอาหาร จะแตกต่างกันก็แต่เพียง ผู้คนที่อยู่ในห้องนี้ล้วนหน้าตาแจ่มใส ผิวพรรณผุดผ่อง พูดคุยกันราวกับเพื่อนสนิท ทำไมไม่เห็นหิวโซเหมือนห้องเมื่อกี้เลย ชายหนุ่มคิดในใจ
      เริ่มทานอาหารได้ เมื่อสิ้นเสียงทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ต่างก็ค่อย ๆ ใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรนั้นตักอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับตนแล้วป้อนใส่ปากของคนที่อยู่ตรงกันข้าม ผลัดกันไปมาด้วยความเรียบร้อย โดยไม่มีอาหารตกหล่นและวุ่นวาย เพียงสิบนาทีทุกคนก็ได้กินอาหารจนอิ่ม .....
         ผมรู้แล้วว่านรกกับสวรรค์ต่างกันอย่างไร ชายหนุ่มกล่าวกับเทวดาในขณะที่เทวดาพาเขามาส่งยังห้องนอนของเขา

…..แล้วคุณล่ะ  รู้หรือยัง..?
.....สำหรับผมรู้เพียงว่าทุกคนจะมีความสุขถ้าเรารู้จักคำว่า แบ่งปัน

วันจันทร์, ตุลาคม 08, 2555

ข้อคิด คำคม ปลุกใจ

ข้อคิด คำคม ปลุกใจ

.....แน่นอนว่าในชีวิตของคนเราย่อมพบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้เราได้เติบโต บางครั้งสิ่งที่เราดำเนินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ตั้งคำถามกับเราโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนรู้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจ ....การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงแม้ไม่ได้ทำให้ผู้นั้นบรรลุธรรมต่าง ๆ อย่างถึงที่สุด แต่ก็ทำให้ความทุกข์ลดน้อยลงไป เนื่องเพราะชีวิตของคนเราโดยส่วนใหญ่  "ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลง"
..........ข้อคิดเหล่านี้อาจทำให้ฉุกคิด อาจให้กำลังใจ หรืออย่างน้อยก็ทำให้เราค่อย ๆ เดินเข้ามาสู่วงจรชีวิตอันปกติธรรมดา หลังจากลื่นไถล ไปตามเหตุและปัจจัยทั้งที่ต้องการและไม่ต้องการ  เพื่อความสุขของเราเองและคนรอบข้าง.....

 
"การยอมรับผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข คือหัวใจของสัมพันธภาพ ที่เต็มไปด้วยความสุข"

"มนุษย์ทุกคนย่อมมีพื้นฐานความขี้เกียจ และต่างพยายามมองหาวิธีทำงานให้ง่ายที่สุดตลอดเวลา"

"การจะเป็นคนร่ำรวยนั้น คุณต้องปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะสั่งสมมัน การมีเพียงแรงปรารถนาหรือความสนใจเป็นครั้งคราวไม่พอ"

"ทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ล้วน "เขียนสิ่งที่คิด" ออกมาทั้งนั้น"

"ความเต็มใจเสี่ยงที่จะล้มเหลว คือสิ่งเดียวซึ่งใช้วัดแรงปรารถนาความร่ำรวยของคุณ"

"อุปสรรคคือบันไดสู่ความสำเร็จ ตราบเท่าที่คุณสามารถเรียนรู้จากความพ่ายแพ้และความผิดหวัง"

"หากคุณเพียรพยายามสร้างความร่ำรวยนานพอ ในที่สุด คุณก็จะประสบความสำเร็จแน่นอน"

"หากไม่มีพัฒนาการ แสดงว่าคุณหยุดนี่ง หากไม่พัฒนาตนเอง คุณก็จะแย่ลงเรื่อย ๆ"

"พัฒนาการและการบรรลุสิ่งที่ต้องการ เกิดจากการละทิ้งการทำสิ่งเดิมและตอบรับสิ่งใหม่"

"จุดสูงสุดที่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายได้รับและคงไว้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากการตรากตรำ หามรุ่งหามค่ำขณะที่ผู้อื่นกำลังหลับสบาย"

"คุณสามารถเรียนรู้ทุกอย่างที่ต้องการเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดให้ตนเองได้"

"จงฝึกอุปนิสัยของการเป็นคนกล้าเผชิญสิ่งที่กลัว และทำสิ่งนั้นให้ลุล่วง"

"ความยากลำบากไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อเป็นอุปสรรค แต่เพื่อให้บทเรียนแก่คุณ ทุกความพ่ายแพ้หรืออุปสรรค ย่อมมีเมล็ดพันธุ์แห่งความยิ่งใหญ่หรือโอกาสแฝงอยู่"

"ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกิดจากการทำงานอย่างหนัก หากคุณไม่แน่ใจ ก็จงพยายามให้มากขึ้น และหากยังไม่ได้ผลก็จงพยายามให้มากขึ้นไปอีก"

"ยิ่งยอมอุทิศตนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับสิ่งดี ๆ กลับคืนจากสิ่งที่คาดไม่ถึงมากเท่านั้น"

"คุณจะมีความสุขอย่างแท้จริง เมื่อรู้สึกว่า ได้สร้างความแตกต่างให้แก่โลกใบนี้ ด้วยการหยิบยื่นแก่ผู้อื่นในทางใดทางหนึ่ง"

"จงตั้งเป้าให้ชัดเจน : แต่ต้องยืดหยุ่นต่อความคืบหน้าและความสำเร็จที่จะได้รับด้วย"

"สุขภาพ ความสุขและผลการทำงานที่ดีจะเริ่มปรากฏ เมื่อคุณควบคุมความคิด และการกระทำ และสถานการณ์รอบตัวได้จริง"

"จงอุทิศตนอย่างเต็มใจและไร้เงื่อนไข ต่อบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต"

"จงศรัทธาต่อสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณเสมอ"

"ทุกก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตจะเกิดขึ้น หลังจากที่คุณตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างแน่ชัดแล้ว"

"การตัดสินใจแน่วแน่ คือคุณสมบัติสำคัญของผู้ประสบความสำเร็จทุกคน"

"หัวใจของความสำเร็จคือการตั้งเป้าหมายและกำหนดสิ่งซึ่งจะเป็นแรงจูงใจคุณ"

"จุดประสงค์ของการศึกษาก็เพื่อแทนที่จิตใจที่ว่างเปล่าด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง"

"ผมไม่เคยเจ็บปวดจากสิ่งที่ผมไม่ได้พูด"

"ความสำเร็จเป็นครูที่ไม่ได้ความ มันล่อลวงชักจูงคนฉลาดให้คิดว่าตนนั้นแพ้ไม่ได้"

"ผู้คนซึ่งรอบรู้ในทางโลกที่ผมรู้จักนั้น ภายในแล้วล้วนเป็นเด็ก"

"เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ความทรงจำมากมายสร้างขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็นในเวลานั้น"

วันจันทร์, ตุลาคม 01, 2555

คำคมควรคิด ปรัชญาชีวิตควรไตร่ตรอง

....หากคนเราเป็นเหมือนเม็ดทรายเล็ก ๆ ในจักรวาล เหมือนที่บางคนเคยเปรียบเปรยไว้ แต่ละคนก็คงเป็นเม็ดทรายที่ไม่เหมือนกันเลย 
....เนื่องเพราะคลื่นทะเลได้ขัดเกลาให้เม็ดทรายน้อย ๆ แตกต่างในรูปลักษณ์และคุณสมบัติภายในแม้ว่าหากมองไกล ๆ แล้วจะดูคล้ายกันหมด หากแต่ลองพินิจ พิจารณาอย่างใกล้ ๆ จะรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง มนุษย์เราเองก็เช่นเดียวกัน ทุกคนมีสิ่งเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร จงภูมิใจกับสิ่งนั้น แต่จงอย่าแปลกแยก ...เพราะหาดทรายที่สวยไม่ได้งามเพราะทรายเม็ดเดียว...

"คนเราจะคิดก็เพียงในเวลาที่เราเผชิญปัญหา"
- John Dewey

"สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ"
- จากหนังสือ "เจ้าชายน้อย"

"ผู้ใดทำกรรมชั่วแล้ว ละเสียได้ด้วยกรรมดี ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่างเหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น"
- พุทธศาสนสุภาษิต

"ตัวเรามีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเรารู้จักดึงมันออกมาใช้หรือเปล่า"
- นิรนาม

"ทุกข์มีไว้ให้กำหนดรู้ รู้แล้วก็ละ จะไปไว้มันทำไม"
- หลวงปู่ดุลย์

"การเขียนบทกวีคือการใช้คำที่มีอยู่จำกัด เพื่อสื่อความรู้สึกที่ไม่จำกัด"
- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

"ลึก  ๆ  ภายในใจเราทุกคน มีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ และต้องการสร้างความแตกต่างอยู่เสมอ"
- สตีเฟ่น โควี่ย์

"ประสบการณ์เป็นครูที่ดีที่สุด แต่ไม่ฉลาดเลยถ้าจะเรียนรู้เองโดยไม่มีใครสอน"
- เบนจามิน แฟรงกลิน

"หากเราไม่เฝ้าแต่วุ่นวายอยู่กับการพูด และการกระทำของผู้อื่น เราจะมีความสุขมากขึ้น"
- โธมัส เอ เคมพิส

"อย่าคิดว่าเรียนอะไรถึงจะได้เอาไปใช้กับอาชีพในอนาคต แต่ให้คิดว่าอะไรที่ไม่ได้เรียนแล้วจะเสียดายที่สุด"
- ดร. โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์

"เมื่อการทำงานเป็นความสนุก ชีวิตก็เป็นสิ่งรื่นรมย์  เมื่อการทำงานเป็นหน้าที่ ชีวิตก็เหมือนกับการเป็นทาส"
- แมกซิม กอร์กี้

"ค้นหาความอัจฉริยะของคุณให้พบ จากนั้นให้เวลาอย่างเต็มที่ เพื่อโฟกัสกับสิ่งที่คุณรักที่จะทำมากที่สุด"
- แจ็ค แคนฟิลด์

"ชีวิตไม่คุ้มค่า ถ้าหากว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ"
- โซอิจิโร ฮอนด้า

"คนจำนวนมากต่างพอใจที่จะเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ปลอดภัยไว้ก่อน ทำไมนะหรือ? ก็เพราะว่านั่นสามารถทำให้คนเหล่านั้นอยู่ได้กับความเชื่อที่ว่า ถึงฉันจะไม่ประสบความสำเร็จมากมายอะไร แต่ก็ไม่ต้องเจอกับเรื่องร้าย ๆ จากการเสี่ยงเหมือนกัน"
- ทอม  รัสก์

"คนส่วนใหญ่ที่ทำอะไรไม่สำเร็จ มักจะโทษสิ่งอื่นนอกตัวเรา การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต้องเริ่มจากตัวเรา ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นก่อน"
- แอนโทนี่ ร็อบบินส์

"ถ้าคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้ แต่ถ้าคุณคิดว่าทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกอีกนั่นแหละ"
- เฮนรี่ ฟอร์ด

วันจันทร์, กันยายน 10, 2555

คำบางคำ ทำให้ชีวิตมีความหมาย

"A failure is a man who has blundered, but is snot able to cash in on the experience."
- Elbert Hubbard
"บุคคลถือว่ามีความล้มเหลว หากเมื่อเขาได้กระทำผิดอย่างร้ายแรงแล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์นั้น"

"A goal without a plan is just a wish."
- Antoine de Saint-Exupery
"การมีเป้าหมายโดยไม่มีแผนการก็คล้ายกับมีเพียงความอยากเท่านั้นเอง"

" A good head and a good heart are always a formidable combination."
- Nelson Mandela
"การที่มีหัวดีพร้อมทั้งจิตใจที่ดีเป็นส่วนผสมที่น่าเกรงขาม"

วันจันทร์, เมษายน 09, 2555

เพราะเธอหรือเปล่า





เพราะเธอหรือเปล่าก่อนไม่เคยเหงา
เพราะเธอหรือใคร ก่อนไม่เคยรู้ใจกัน
จนวันที่เธอต้องไป ฉันเคยสุขเพราะใคร
เพราะเธอ
คนรักคนหนึ่ง คงซึ้งเกินกว่า คนที่มองค่าความจริงใจแค่เพียงผ่าน
คนที่เคยใกล้ วันนี้ไกลห่าง ใครรู้ใจบ้าง ก็มีแต่เพียงเธอ เป็นความทรงจำ
ความผูกพันธ์ ยังคงย้ำเตือนอยู่ ความจริงในใจก็รู้ว่าคงไม่อาจลืม
คนเคยดูแล เคยห่วงใยเป็นเพียงแค่วันก่อน
ใจยังอาวรณ์ เฝ้าคิดถึงคนที่ห่างไกล

เพราะเธอหรือเปล่า ก่อนไม่เคยเหงา เพราะเธอหรือใคร
ก่อนไม่เคยรู้ใจกัน จนวันที่เธอต้องไป ฉันเคยสุขเพราะใคร
....เพราะเธอ...

Pages