หมวด ๒ สวนสัตว์
กระบวนการขอจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ และมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์
๑) การจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี โดยยื่นเอกสาร โครงการจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ บัญชีรายการชนิดและจํานวนสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าที่มีหรือจะมี ไว้ในครอบครอง หลักฐานแสดงการได้มาซึ่งสัตว์ป่าดังกล่าว พร้อมด้วยแผนที่แบบแปลน และแผนผังของสวนสัตว์ โดยโครงการจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ และแบบแปลนและแผนผังของสวนสัตว์ต้องเป็นไปตาม มาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ที่อธิบดีกําหนด ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าโครงการจัดตั้งและประกอบ กิจการสวนสัตว์ และแบบแปลนนั้นถูกต้องแล้ว ให้ออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาขออนุญาต ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป (มาตรา ๓๓)
มาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ อย่างน้อยต้องมีสาระสําคัญ ดังต่อไปนี้ (๑) การจัดการพื้นที่เลี้ยงและจัดแสดงสัตว์ (๒) การดูแลด้านโภชนาการ (๓) การสุขาภิบาล การบําบัดน้ําเสีย การกําจัดของเสีย และการควบคุมโรค (๔) การดูแลรักษาสัตว์ (๕) การจัดสวัสดิภาพสัตว์ (๖) ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (๗) การปฏิบัติการและมาตรการฉุกเฉินต่าง ๆ (๘) แนวทางการให้ความรู้หรือการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์
๒) ในระหว่างการก่อสร้างสวนสัตว์ หากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ซึ่งสวนสัตว์นั้นตั้งอยู่ พบว่าการก่อสร้างไม่เป็นไปตามโครงการจัดตั้ง และประกอบกิจการสวนสัตว์ แบบแปลน และแผนผังที่ได้ยื่นประกอบการขอรับใบอนุญาต ให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สั่งให้ผู้ขอรับ ใบอนุญาตแก้ไขหรือปรับปรุงให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กําหนด เมื่อผู้ขอรับใบอนุญาตดําเนินการเสร็จแล้ว ให้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อไป ก่อนการเปิดให้บริการสวนสัตว์ ให้ผู้ขอรับ ใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการจัดตั้งสวนสัตว์ และแจ้งผลให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง เมื่อเห็นว่าถูกต้องให้ออกใบอนุญาตแก่ผู้ขอรับใบอนุญาต หากพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ดําเนินการภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าอธิบดีมีคําสั่ง อนุญาตตามคําขอและต้องออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตนั้น (มาตรา ๓๔)
การควบคุมดูแลผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ในระหว่างประกอบ กิจการสวนสัตว์
๑) ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมประมง ควบคุมให้ผู้รับใบอนุญาต จัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ดําเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ หากตรวจสอบพบว่า ผู้รับใบอนุญาตไม่ดําเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ หรือบริเวณภายในสวนสัตว์มีสภาพ ที่เป็นอันตรายหรือเดือดร้อนรําคาญแก่ประชาชนหรือก่อให้เกิดอันตรายหรือความทุกข์ทรมานแก่สัตว์ป่า ให้อธิบดีมีอํานาจออกคําสั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงแก้ไขสภาพนั้นให้หมดไป ในกรณีสัตว์ป่า ที่อยู่ในครอบครองมีจํานวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือมีการเปลี่ยนแปลงหรือโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างสวนสัตว์ ให้ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่แจ้งต่ออธิบดีเพื่อพิจารณาอนุญาตก่อนจึงจะดําเนินการได้ (มาตรา ๓๕)
๒) กรณีการประกอบกิจการสวนสัตว์แห่งใดได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ และผู้ได้รับใบอนุญาตถูกคําสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตฉบับใดฉบับหนึ่ง ให้มีผลเป็นการระงับการประกอบ กิจการสวนสัตว์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้ดําเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงให้เป็นไปตามที่อธิบดีกําหนด หรือให้มีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตอีกฉบับหนึ่ง แล้วแต่กรณี (มาตรา ๓๖)
๓) การเลิกประกอบกิจการสวนสัตว์ ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ แห่งใดประสงค์จะเลิกประกอบกิจการ ให้แจ้งเป็นหนังสือต่ออธิบดีทราบล่วงหน้าก่อนวันเลิกกิจการ ตามระเบียบที่อธิบดีกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และให้นําความใน มาตรา ๗๙ มาใช้บังคับแก่การดําเนินการกับสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าที่อยู่ในความครอบครองของผู้เลิกประกอบ กิจการสวนสัตว์ตามใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์แห่งนั้นให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี นับแต่วัน เลิกประกอบกิจการสวนสัตว์ โดยอนุโลม (มาตรา ๓๗)
๔) การดําเนินกิจการสวนสัตว์ที่หน่วยงานรัฐจัดตั้งตามหน้าที่ ให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าว แจ้งการจัดตั้งสวนสัตว์ต่ออธิบดีเพื่อให้มีการตรวจสอบก่อนการเปิดให้บริการสวนสัตว์ หากพบว่าการจัดตั้ง สวนสัตว์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งหน่วยงานของรัฐแก้ไข หรือปรับปรุงภายในระยะเวลาที่กําหนด และเมื่อหน่วยงานของรัฐได้ดําเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐาน การจัดการสวนสัตว์แล้ว ให้มีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจการสวนสัตว์ได้ และเพื่อประโยชน์ ในการควบคุมและคุ้มครองสัตว์ป่า ให้สวนสัตว์ที่หน่วยงานของรัฐจัดตั้งตามหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัตินี้ และจัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าที่อยู่ในความครอบครองให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือกรมประมง ทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง (มาตรา ๓๘)