วันจันทร์, เมษายน 19, 2564

หมวด ๓ คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า

หมวด ๓ คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า

๑) องค์ประกอบคณะกรรมการของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มีจํานวน อย่างน้อย ๒๐ คน แต่ไม่เกิน ๒๒ คน ประกอบด้วย (มาตรา ๓๔)

- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ - ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ

- ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมศุลกากร เลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และผู้อํานวยการองค์การสวนสัตว์ เป็นกรรมการโดยตําแหน่ง

- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จํานวนไม่น้อยกว่า ๕ คน แต่ไม่เกิน ๗ คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง จากผู้ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ด้านสัตว์ป่า ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชุมชน หรือด้านกฎหมาย

- อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒) หน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มีดังนี้ (มาตรา ๔๕)

- พิจารณาให้ความเห็นชอบการกําหนดพื้นที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า และการขยายหรือการเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

- เสนอแนะนโยบายและมาตรการที่จําเป็นเพื่อการคุ้มครองและดูแลรักษาสภาพธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และพื้นที่ควบคุมเพื่อการ จัดการสัตว์ป่า

- ให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการการอนุรักษ์สัตว์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

- กําหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อการอนุรักษ์และเพาะพันธุ์สัตว์ป่า การค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่า และการประกอบกิจการสวนสัตว์

- พิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่พระราชบัญญัตินี้ กําหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า

- ให้คําปรึกษาต่อรัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวกับสัตว์ป่า และปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีมอบหมาย

- ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกําหนดให้เป็นหน้าที่หรืออํานาจของคณะกรรมการสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า

- แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทํางาน เพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่มอบหมาย (มาตรา ๔๖)

หมวด ๒ สวนสัตว์

หมวด ๒ สวนสัตว์

 กระบวนการขอจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ และมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์

๑) การจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี โดยยื่นเอกสาร โครงการจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ บัญชีรายการชนิดและจํานวนสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าที่มีหรือจะมี ไว้ในครอบครอง หลักฐานแสดงการได้มาซึ่งสัตว์ป่าดังกล่าว พร้อมด้วยแผนที่แบบแปลน และแผนผังของสวนสัตว์ โดยโครงการจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ และแบบแปลนและแผนผังของสวนสัตว์ต้องเป็นไปตาม มาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ที่อธิบดีกําหนด ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าโครงการจัดตั้งและประกอบ กิจการสวนสัตว์ และแบบแปลนนั้นถูกต้องแล้ว ให้ออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาขออนุญาต ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป (มาตรา ๓๓)

มาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ อย่างน้อยต้องมีสาระสําคัญ ดังต่อไปนี้ (๑) การจัดการพื้นที่เลี้ยงและจัดแสดงสัตว์ (๒) การดูแลด้านโภชนาการ (๓) การสุขาภิบาล การบําบัดน้ําเสีย การกําจัดของเสีย และการควบคุมโรค (๔) การดูแลรักษาสัตว์ (๕) การจัดสวัสดิภาพสัตว์ (๖) ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (๗) การปฏิบัติการและมาตรการฉุกเฉินต่าง ๆ (๘) แนวทางการให้ความรู้หรือการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์

๒) ในระหว่างการก่อสร้างสวนสัตว์ หากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ซึ่งสวนสัตว์นั้นตั้งอยู่ พบว่าการก่อสร้างไม่เป็นไปตามโครงการจัดตั้ง และประกอบกิจการสวนสัตว์ แบบแปลน และแผนผังที่ได้ยื่นประกอบการขอรับใบอนุญาต ให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สั่งให้ผู้ขอรับ ใบอนุญาตแก้ไขหรือปรับปรุงให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กําหนด เมื่อผู้ขอรับใบอนุญาตดําเนินการเสร็จแล้ว ให้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อไป ก่อนการเปิดให้บริการสวนสัตว์ ให้ผู้ขอรับ ใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการจัดตั้งสวนสัตว์ และแจ้งผลให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง เมื่อเห็นว่าถูกต้องให้ออกใบอนุญาตแก่ผู้ขอรับใบอนุญาต หากพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ดําเนินการภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าอธิบดีมีคําสั่ง อนุญาตตามคําขอและต้องออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตนั้น (มาตรา ๓๔)

การควบคุมดูแลผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ในระหว่างประกอบ กิจการสวนสัตว์

๑) ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมประมง ควบคุมให้ผู้รับใบอนุญาต จัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ดําเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ หากตรวจสอบพบว่า ผู้รับใบอนุญาตไม่ดําเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ หรือบริเวณภายในสวนสัตว์มีสภาพ ที่เป็นอันตรายหรือเดือดร้อนรําคาญแก่ประชาชนหรือก่อให้เกิดอันตรายหรือความทุกข์ทรมานแก่สัตว์ป่า ให้อธิบดีมีอํานาจออกคําสั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงแก้ไขสภาพนั้นให้หมดไป ในกรณีสัตว์ป่า ที่อยู่ในครอบครองมีจํานวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือมีการเปลี่ยนแปลงหรือโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างสวนสัตว์ ให้ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่แจ้งต่ออธิบดีเพื่อพิจารณาอนุญาตก่อนจึงจะดําเนินการได้ (มาตรา ๓๕)

๒) กรณีการประกอบกิจการสวนสัตว์แห่งใดได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ และผู้ได้รับใบอนุญาตถูกคําสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตฉบับใดฉบับหนึ่ง ให้มีผลเป็นการระงับการประกอบ กิจการสวนสัตว์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้ดําเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงให้เป็นไปตามที่อธิบดีกําหนด หรือให้มีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตอีกฉบับหนึ่ง แล้วแต่กรณี (มาตรา ๓๖)

๓) การเลิกประกอบกิจการสวนสัตว์ ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ แห่งใดประสงค์จะเลิกประกอบกิจการ ให้แจ้งเป็นหนังสือต่ออธิบดีทราบล่วงหน้าก่อนวันเลิกกิจการ ตามระเบียบที่อธิบดีกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และให้นําความใน มาตรา ๗๙ มาใช้บังคับแก่การดําเนินการกับสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าที่อยู่ในความครอบครองของผู้เลิกประกอบ กิจการสวนสัตว์ตามใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์แห่งนั้นให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี นับแต่วัน เลิกประกอบกิจการสวนสัตว์ โดยอนุโลม (มาตรา ๓๗)

๔) การดําเนินกิจการสวนสัตว์ที่หน่วยงานรัฐจัดตั้งตามหน้าที่ ให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าว แจ้งการจัดตั้งสวนสัตว์ต่ออธิบดีเพื่อให้มีการตรวจสอบก่อนการเปิดให้บริการสวนสัตว์ หากพบว่าการจัดตั้ง สวนสัตว์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งหน่วยงานของรัฐแก้ไข หรือปรับปรุงภายในระยะเวลาที่กําหนด และเมื่อหน่วยงานของรัฐได้ดําเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐาน การจัดการสวนสัตว์แล้ว ให้มีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจการสวนสัตว์ได้ และเพื่อประโยชน์ ในการควบคุมและคุ้มครองสัตว์ป่า ให้สวนสัตว์ที่หน่วยงานของรัฐจัดตั้งตามหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัตินี้ และจัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าที่อยู่ในความครอบครองให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือกรมประมง ทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง (มาตรา ๓๘)

 

Pages