วันพุธ, พฤศจิกายน 07, 2555

สุรพล สมบัติเจริญ (ตำนานที่ไม่เคยตาย)

สุรพล สมบัติเจริญ (ตำนานที่ไม่เคยตาย)

        “ลืม...ผมหรือยังครับแฟน...เมื่อก่อนเคยฟังกันแน่น แฟนจ๋าแฟนลืมผมหรือยัง....”
บทเพลง “แฟนจ๋า” ที่ร้องออดอ้อนแฟนเพลงได้อย่างไพเราะเพราะพริ้งนี้ ทำให้หลายคนที่ได้ฟัง อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเจ้าของผลงานเพลงคนนี้ เพราะเขาคือ “ราชาเพลงลูกทุ่ง” ผู้โด่งดังที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เมืองไทยเคยมีมา
สุรพล สมบัติเจริญ
         ผมเชื่อว่าถ้าใครเป็นแฟนเพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ แล้วล่ะก็ ถ้าได้ยินเพลงนี้เข้า ต้องคิดถึงเขาแน่ ๆ คงไม่มีทางลืมเขาได้ลงคอ
        ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๐ วงการเพลงของโลก สูญเสีย เอลวิส เพรสลี่ย์ “ราชาเพลงร็อก แอนด์ โรล” ผู้ยิ่งใหญ่ที่ชาวโลกรู้จักกันดี เขาจากไปพร้อมกับความโศกเศร้าเสียใจของเหล่าแฟนเพลงทั่วโลก แต่ก่อนหน้านั้น คนไทยทั้งประเทศก็ต้องพบกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน กับการจากไปของ “ราชาเพลงลูกทุ่ง” สุรพล สมบัติเจริญ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม เช่นกัน แต่เป็นปี พ.ศ.๒๕๑๑
         ๑๖ สิงหาคม จึงเป็นวันที่แฟนเพลงต่างร่วมรำลึกถึงราชาเพลงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนนี้ โดยเฉพาะรายการเพลงทางสถานีวิทยุต่าง ๆ คงเปิดเพลงของราชาเพลงทั้งคู่กันทั้งวันเลยทีเดียว
         เดิมทีเพลงลูกทุ่งนั้น ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเพลงในกลุ่มเดียวกันกับเพลงไทยสากล โดยยังไม่มีการแยกประเภทเพลงไทยสากลออกเป็น “ลูกทุ่ง” หรือ “ลูกกรุง” เพราะบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการดนตรีในเวลานั้นต่างประสงค์ที่จะไม่ให้มีการแบ่งแยกประเภทของเพลงไทยสากลออกจากกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แนวเพลงพื้นบ้านที่มีคำร้อง คำบรรยาย กล่าวถึงวิถีของชาวชนบท ชีวิตของหนุ่มบ้านนอก สาวบ้านนา และความยากจน ที่มีนักร้องกลุ่มหนึ่งในขณะนั้นนิยมร้อง ก็ถูกชาวบ้านเรียกขานกันว่าเป็น “เพลงตลาด”
          จนกระทั่งปลายปี พ.ศ.๒๕๐๗ รายการเพลงของสถานีไทยโทรทัศน์ ซึ่งจัดโดย ประกอบ ไชยพิพัฒน์ และเปิดเฉพาะ “เพลงตลาด” ที่ใช้ชื่อว่า “รายการเพลงลูกทุ่ง” นั้น กลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากบรรดาผู้ฟัง ทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “เพลงลูกทุ่ง”  ก็ถูกแยกออกเป็นเอกเทศอย่างชัดเจนจากเพลงลูกกรุงโดยปริยาย
          ในหนังสือกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า “เพลงลูกทุ่ง” หมายถึง “เพลงที่สะท้อนวิถีชีวิต สภาพสังคมอุดมคติ และวัฒนธรรมไทย โดยมีท่วงทำนอง คำร้อง สำเนียง และลีลาการร้อง การบรรเลง ที่เป็นแบบแผน มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งให้บรรยากาศความเป็นลูกทุ่ง”
สุรพล
          ความนิยมของวงดนตรีลูกทุ่งยุคนั้นนอกจากจะวัดกันที่พวงมาลัยที่เหล่าแฟนเพลงคล้องให้นักร้องจนท่วมหัวแล้ว ยังวัดกันที่การประชันวงกันแบบซึ่ง ๆ หน้า ชนิดที่เรียกได้ว่าหันหน้าชนกันครั้งละ ๓ – ๔ วง ตามงานประจำปีของวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะวัดที่มีชื่อเสียงทางภาคกลาง เช่น จังหวัดอยุธยา สุพรรณบุรี ราชบุรี และนครปฐม หากแฟนเพลงไปรวมตัวกันชมดนตรีอยู่ที่หน้าวงไหนมากที่สุด ก็ถือกันว่าวงนั้นเป็นวงยอดนิยมของขวัญใจมหาชนตัวจริงเสียงจริง
            สุรพล สมบัติเจริญ เป็นผู้ที่ทำให้เพลงลูกทุ่งพุ่งผงาดอยู่ในความนิยมของวงการเพลง ด้วยลีลาและรูปแบบเฉพาะตัว การได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาเพลงลูกทุ่ง” ก็เพราะความมีอัจฉริยะในตัวเองที่สามารถแต่งเพลงเองและร้องเพลงเองได้ด้วย
           เขาเริ่มชีวิตการร้องเพลงจากกองดุริยางค์ทหารอากาศ และมีโอกาสได้ร้องเพลงในงานสังสรรค์ต่าง ๆ ที่กองทัพอากาศได้รับเชิญไปให้แสดง จนได้รับการสนับสนุนให้ได้บันทึกแผ่นเสียงเป็นครั้งแรกในเพลง “น้ำตาลาวเวียง” ตามมาด้วยเพลง “ชูชกสองกุมาร” ที่ทำให้ “สุรพล สมบัติเจริญ” เริ่มเป็นที่รู้จักของแฟน ๆ
            สุรพล สมบัติเจริญ เป็นคนที่มีใจฝักใฝ่ในการทำเพลงตลอดเวลา ไม่ว่าตนเองจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม คนใกล้ชิดคนหนึ่งของเขาเล่าว่า “ค่ำวันหนึ่ง สุรพล ชวนผมขี่รถเวสป้าคันโปรดเพื่อที่จะไปธุระด้วยกัน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย อยู่ ๆ เขาก็ฮัมขึ้นเป็นเพลงว่า หนาวจะตายอยู่แล้ว...ว...ว...และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็กลายมาเป็นเพลงสุดฮิตอีกเพลงของเขา...หนาวจะตายอยู่แล้ว”
            นอกจากนี้ สุรพล สมบัติเจริญ ยังทำหน้าที่เป็นครูเพลง ทั้งแต่งเพลงให้คนอื่นร้อง ทั้งปลุกปั้นนักร้องรุ่นน้องจนโด่งดังมีชื่อเสียงอีกมากมาย อย่างเช่น ผ่องศรี วรนุช, ไพรวัลย์ ลูกเพชร, ละอองดาว สกาวเดือน, ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย, เมืองมนต์ สมบัติเจริญ เป็นต้น
           สุรพล สมบัติเจริญ ถูกยิงเสียชีวิต หลังจากการแสดงบนเวทีที่จังหวัดนครปฐม เมื่ออายุเพียง ๓๗ ปี เขาจากไปโดยได้ทิ้งผลงานเพลงที่แต่งเองและร้องเองเป็นชิ้นสุดท้ายเอาไว้ นั่นคือเพลง “๑๖ ปีแห่งความหลัง” และยังเป็นเพลงสุดท้ายที่เขาร้องก่อนก้าวลงจากเวทีในคืนวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๑ อีกด้วย

ที่มา: จากหนังสือมอร์มูฟแม็กกาซีน ( Moremove Magazine) เล่มที่ ๓๓ ประจำเดือน สิงหาคม ๒๐๑๐

ตลกโปกฮา - ยาคลายเครียด

นิยามของงานขาย
....ถ้าคุณเห็นสาวสวยในงานเลี้ยง แล้วคุณตรงเข้าไปบอกเธอว่า ผมรวย แต่งงานกับผมไหม นั่นคือการขายตรง
    ถ้าคุณให้เพื่อนคุณเข้าไปบอกเธอว่า เพื่อนผมรวย เขาอยากแต่งงานกับคุณนั่นคือการโฆษณา
    ถ้าคุณขอเบอร์โทรศัพท์จากเธอและโทรศัพท์ไปบอกเธอวันรุ่งขึ้นว่าคุณรวย นั่นคือ การขายทางโทรศัพท์
    ถ้าคุณเข้าไปชวนเธอคุย ซื้อเหล้าเลี้ยงเธอ พาเธอไปส่งบ้าน ก่อนจะบอกว่าคุณรวย นั่นคือการประชาสัมพันธ์
    แต่...ถ้าเมื่อไรที่เธอตบหน้าคุณ หลังจากที่คุณบอกว่าคุณรวย แต่งงานกับผมไหม นั่นคือการตอบสนองของลูกค้า

วามต่างของวิชาแต่ละนง
     ต้นถามยุทธว่า "รู้หรือเปล่าว่าชีววิทยากับสังคมวิทยาต่างกันอย่างไร"
     ยุทธตอบว่า "เมื่อเด็กคนหนึ่งเกิดมาแล้วหน้าตาเหมือนพ่อแม่ นั่นเป็นเรื่องของชีววิทยา แต่ถ้าเด็กเกิดมาแล้วหน้าตาดันไปเหมือนเพื่อนบ้าน ทีนี้ล่ะ ปัญหาสังคมจะเกิดขึ้นทันที"

ใครรู้จักแม่นานกว่ากัน
      เช้าวันหนึ่ง ลูกสาววัยแปดขวบกับลูกชายวัยห้าขวบทะเลาะกันเรื่องจะเลือกกินอะไรเป็นอาหารเช้าดี เด็ก ๆ อยากกินของหวานเป็นอาหารเช้า แต่ผมบอกว่าแม่คงจะไม่พอใจแน่ ๆ ถ้าอนุญาตให้ลูกกินของหวานเป็นอาหารเช้า ลูกสาวแย้งว่า แม่ไม่ว่าหรอก ผมเถียงว่าผมรู้จักแม่มานานกว่าพวกเขา "ไม่จริง" ลูกสาวเถียง "พ่อรู้จักกับแม่ตอนเรียนมัธยม แต่พวกเรารู้จักแม่มาตั้งแต่เกิด"

วันอาทิตย์, ตุลาคม 28, 2555

ผีเสื้อที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

ผีเสื้อที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

         ผีเสื้อและแมลงอื่น ๆ ทุกชนิดจัดเป็น "สัตว์ป่า" นับตั้งแต่มีการประกาศพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.๒๕๓๕   ผีเสื้อหลายชนิดจัดเป็น "สัตว์ป่าคุ้มครอง" เนื่องจากอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์โดยห้ามซื้อขายและห้ามมีไว้ในครอบครอง ผีเสื้อที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองมีทั้งหมด
ผีเสื้อที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
๑. ผีเสื้อค้างคาว (Lyssa zampa) - เป็นผีเสื้อกลางคืน
๒. ผีเสื้อหางยาวตาเดียวปีกลายหยัก (Actias maenas) - เป็นผีเสื้อกลางคืน
๓. ผีเสื้อถุงทองธรรมดา (Troides aeacus) - เป็นผีเสื้อกลางวัน
๔. ผีเสื้อหางติ่งสะพายเขียว (Papilio palinurus) - เป็นผีเสื้อกลางวัน
๕. ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ (Meandrusa sciron) - เป็นผีเสื้อกลางวัน
๖. ผีเสื้อนางพญาก็อดเฟรย์ (Stichophthalma godfreyi) - เป็นผีเสื้อกลางวัน
๗. ผีเสื้อสมิงเชียงดาว (Bhutanitis lidderdalel) - เป็นผีเสื้อกลางวัน
๘. ผีเสื้อรักแร้ขาว (Papilio protenor) - เป็นผีเสื้อกลางวัน
๙. ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก (Teinopalpus imperialis) - เป็นผีเสื้อกลางวัน

  ทั้งหมดมีอยู่ ๙ ชนิด
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับผีเสื้อทั้งหมดได้ที่ :
http://www.ist.cmu.ac.th/riseat/nl/2004/07/01.php

วันพุธ, ตุลาคม 24, 2555

การจัดการขยะ โครงการต้นแบบดี ๆ

การจัดการขยะ โครงการต้นแบบดี ๆ

             ยังจำได้เมื่อตอนอยู่โรงเรียนปฐมที่ต่างจังหวัด คุณครูมักจะสอนให้เก็บขยะไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง ถ้าหากยังหาที่ทิ้งไม่ได้ พอกลับมาถึงบ้าน ตอนที่แม่ซักผ้าให้ มักจะโดนบ่นเป็นประจำ เพราะเก็บเศษลูกอมไว้ในกระเป๋าแล้วไม่ได้ทิ้ง แต่นั่นคือสิ่งดี ๆ ที่ติดตัวมาจนถึงปัจจุบันนี้
การจัดการขยะ การแยกประเภทของขยะ ถังขยะ             กำลังคิดว่าหากคนไทยทุกคนเก็บขยะไว้กับตัวเองก่อนที่จะเจอถังขยะแล้วค่อยทิ้ง บ้านเมืองเราก็คงจะน่าอยู่มิใช่น้อย แต่เดี๋ยวนี้คนไทย มักจะทิ้งออกนอกรถบ้าง ไม่ทิ้งลงถังขยะบ้าง เพราะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งที่มันเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของคนไทยทุกคน ....มีใครยังจำโครงการตาวิเศษได้บ้างหรือไม่ หากจำได้ผู้เขียนก็อยากให้นำกลับมารณรงค์กันอีกครั้ง อย่างน้อยก็ปลุกจิตสำนึกคนไทยก่อนที่จะทิ้งสิ่งของเหลือใช้หรือไม่จำเป็นออกเป็นไปภาระของคนอื่น ให้กลับมาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งถึงความเหมาะสม
              เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา (วันปิยมหาราช ปี พ.ศ.2555) ผู้เขียนได้ขับรถผ่านจังหวัดสระบุรี พักกินข้าวที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง รู้สึกสะดุดตากับถังขยะที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับติดป้ายความหมายของประเภทขยะต่าง ๆ ...คิดว่าทุกคนคงเคยเห็นถังขยะกันมาแล้วอย่างแน่นอน และก็เคยมีการรณรงค์ให้ช่วยกันทิ้งขยะให้ถูกประเภท แต่ก็คงมีหลายคนที่สงสัยเหมือนกันว่า ขยะที่เรากำลังจะทิ้ง มันอยู่ในประเภทไหนหว่า....(รวมถึงผู้เขียนด้วย...อิอิ.)
การจัดการขยะ ประเภทของขยะ ถังขยะ              การติดป้ายบอกประเภทและคำอธิบายสั้น ๆ เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้ทั้งผู้ทิ้งและผู้เก็บลดภาระในการแยกขยะอีกครั้ง อีกทั้งยังสามารถนำขยะนั้น ๆ ไปทำลายหรือไปรีไซเคิล (Recycle) ได้อย่างถูกวิธี นับว่าเป็นการปลูกจิตสำนึกของคนไทยไปในตัว อาจจะเป็นมุมเล็ก ๆ ที่คนทั่วไปไม่ได้สังเกต แต่ผู้เขียนอยากจะขอบคุณจุดเล็ก ๆ ของความคิดดี ๆ อันนี้....เพราะเราทุกคนต่างก็คงเห็นด้วยกันว่า "จุดเล็ก ๆ นี่แหละที่ทำให้ภาพใหญ่ ๆ สวยงาม"............ขอบคุณจริง ๆ ครับ


               ประเภทของขยะ

               ขยะย่อยสลายได้ คือ ขยะอินทรีย์ ได้แก่ เศษผัก เศษอาหาร และเปลือกผลไม้ หากทิ้งไว้จะก่อให้เกิดก๊าซมีเทน(ก๊าซมีเทน เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่าตัวเลยทีเดียว และก็เป็นก๊าซที่มีส่วนที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอยู่ในตอนนี้)
               
               ขยะรีไซเคิล คือ ขยะที่ขายได้ เพราะสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ได้แก่ กระดาษ พลาสติก โลหะขวดแก้วต่าง ๆ  (ข้อดีของแก้วคือสามารถใช้หลอมกี่รอบก็ได้โดยที่คุณสมบัติไม่เปลี่ยน แทนที่จะหลอมเม็ดทรายก็หลอมแก้วแทน)

               ขยะอันตราย คือ ขยะที่ใช้แล้วต้องทิ้ง ได้แก่ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ เข็มฉีดยา หลอดไฟฉาย กระป๋องสเปรย์ ซึ่งต้องกำจัดอย่างถูกวิธี

               ขยะทั่วไป คือ ขยะที่ใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ ได้แก่ เปลือกลูกอม ถุงขนม ซองบะหมี่สำเร็จรูป ถุงพลาสติกที่เปื้อนอาหาร
             
ข้อสังเกต 
          หากไม่แน่ใจว่าขยะหรือบรรจุภัณฑ์ที่คุณถืออยู่เป็นขยะประเภทใด ให้มองรอบ ๆ หีบห่อบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เราจะทำการทิ้ง เพราะบางผลิตภัณฑ์จะมีสัญลักษณ์บ่งบอกประเภทขยะ ให้คุณแยกก่อนทิ้งได้ง่ายขึ้น
               

วันจันทร์, ตุลาคม 22, 2555

พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ

    พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ


พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ
พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ


พระมงคลมิ่งเมือง ประดิษฐาน ณ พุทธอุทยาน (เขาดานพระบาท)
พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ               ระมงคลมิ่งเมือง เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ต่อจากองค์เดิมที่คณะฆ์และประชาชนได้ก่อเค้าโครงด้วยอิฐและหิน ประดิษฐานบนแท่นหินสูง ๔.๕๘ เมตร กว้าง ๕.๒๕ เมตร ยาว ๑๐.๑๐ เมตร และมติคณะกรรมการ โดยได้ออกแบบโครงสร้างใหม่ครอบองค์พระเดิม โดยขยายองค์พระให้ใหญ่ขึ้นเป็นแบบ ซึ่งได้อิทธิพลของสกุลศิลปะอินเดียเหนือปาละและแผ่มายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๖ และถือเป็นต้นแบบของสกุลศิลปะพระพุทธรูปแบบล้านช้าง และขานนามว่าเป็น "พระพุทธรูปปางมารวิชัย" นาม " พระมลคลมิ่งเมือง" ภายในพระอุระมีพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บรรจุไว้ พระมงคลมิ่งเมืองมีพระพักตร์ขนาด กว้าง ๒ เมตร วัดจากพระหนุ (หนุ แปลว่า คาง) ถึงยอดเปลวพระรัศมี ๖ เมตร ส่วนสูงวัดจากพื้นดินระดับที่ต่ำที่สุดถึงยอดเปลวพระรัศมี สูง ๒๐ เมตร หน้าตักกว้าง ๑๑ เมตร ฐานกว้าง ๘.๔๐ เมตร ความยาวฐาน ๑๒.๖๐ เมตร ความสูงวัดระดับพื้นดินต่ำสุด ๕.๒๐ เมตร มีโครงสร้างองค์พระเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยตลอดผิวนอกฉาบปูนบุด้วยกระเบื้องเสกสีทอง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๗ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๗ คณะกรรมการมีมติให้ต่อเติมชานรอบฐานองค์พระ  ชานรอบฐานโดยรอบ ๓ ด้าน กว้างด้านละ ๔ เมตร ชานตรงบันไดด้านหน้ากว้าง ๖ เมตร ประกอบด้วย พุ่มและกระถางธูป บุด้วยกระเบื้องโมเสก ฐานด้านล่างเป็นหินอ่อนสีเทาและดำ
             ด้านหลัง พระมงคลมิ่งเมือง เป็นที่ประดิษฐานของ "พระละฮาย" พระพุทธรูปสลักด้วยหินทรายแดง ๒ องค์ แต่การสลักยังไม่แล้วเสร็จ มีพุทธลักษณะที่ประดิษฐ์ขึ้นในระยะตรงกับ สมัยทวาราวดีรุ่นหลัง อายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๐ - ๑๒ ทำการขุดค้นได้จากอ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก รวมทั้งใบเสมาหินทรายแดงใหญ่ ดังปรากฏในปัจจุบัน


พิธีมหาพุทธาภิเษก
         พระมงคลมิ่งเมือง ได้ก่อสร้างขึ้นจากคณะผู้ศรัทธาอันเป็นกุศลเจตนา โดยมี ฯพณฯ พลเอกประภาส จารุเสถียร เป็นผู้อุปการระ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การก่อสร้างมีความมั่นคงแข็งแรงและสวยงามถูกต้องตามแบบวิชาการ และมุ่งหมายให้พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพุทธศิลปะประจำภาค ถูกต้องตามสายวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงเป็นที่บำเพ็ญธรรมของฝ่ายวิปัสสนาธุระและแหล่งทัศนาจร

         พระมงคลมิ่งเมือง ออกแบบโดย นายจิตร บัวบุศย์ ศึกษานิเทศก์ กรมอาชีวศึกษา (สมัยนั้น)

         พิธีพุทธาภิเษกครั้งที่  ๑ วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๘ เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๕.๔๖ นาฬิกา โดยมี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฐฎายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นประธาน ฝ่ายบรรพชิตและ ฯพณฯ พลเอกประภาส จารุเสถียร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ "(คฤหัสถ์ (อ่านว่า คะรึหัด) แปลว่า ผู้มีเรือน, ผู้ครองเรือน, ผู้อยู่ในเรือน เรียกรวมทั้งชายและหญิง) ในครั้งนี้ได้จำลองพระมงคลมิ่งเมืองเป็นพระบูชาขนาดหน้าตัก ๖ นิ้วและ ๔ นิ้ว และเหรียญเข้าร่วมพิธีด้วย
             
พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ
พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ
   พิธีพุทธาภิเษกครั้งที่  ๒ วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๙ เวลา ๑๗.๐๐ นาฬิกา เป็นผลจากการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฉลองครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ประกอบกับโดยรอบองค์พระชำรุด กระเบื้องโมเสกผุกร่อน คณะกรรมการพัฒนาพระมงคลมิ่งเมืองและมูลนิธิพระมงคลมิ่งเมือง จึงมีมติบูรณะเพื่อเปลี่ยนกระเบื้องโมเสกใหม่และนำกระเบื้องโมเสกจัดสร้างพระพุทธรูปบูชามีขนาด ๙ นิ้ว ๗ นิ้ว ๕ นิ้ว ๓ นิ้ว และพระเครื่องขนาด ๑ นิ้ว ให้เช่าบูชา โดยเริ่มบูรณะเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๙ โดยมี  สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถระ) กรรมการมหาเถระสมาคม วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเป็นประธานฝ่ายบรรพชิต (บรรพชิต หมายถึง ผู้เว้นทั่ว, เว้นจากอกุศลโดยประการทั้งปวง)  และ นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์


คาถาบูชา พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ
              คาถาบูชา พระมงคลมิ่งเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ


วันอาทิตย์, ตุลาคม 14, 2555

วิธีทดสอบคนดีที่สำคัญแปดประการ

วิธีทดสอบคนดีที่สำคัญแปดประการ


            ตำราพิชัยสงครามลิ่วเทา (หกยุทธวิธี) ซึ่งเขียนขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๓-๕ นั้น เป้นตำราโบราณที่เก่าแก่มากเล่มหนึ่ง เพราะได้ค้นพบตำราลิ่วเทาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นเป็นต้นมา (เป็นบันทึกในติ้วไม้ไผ่) ในพิชัยสงครามลิ่วเทา ได้แยกแยะหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยคนไว้เป็น ๘ ประการด้วยกัน คือ
      หนึ่ง  ถามเกี่ยวกับวิชาความรู้ เพื่อวัดความเข้าใจของเขาว่ามีมากน้อยเพียงใด
      สอง  ถามต่อไปให้ลึกถึงเหตุผลความเป็นมา และสังเกตดูว่าเขามีปฏิภาณโต้ตอบอย่างฉับไวหรือไม่
      สาม  ในขณะที่ใช้ให้เขาทำงาน หาสิ่งมาทดสอบมาล่อใจเขาดูว่าเป็นคนซื่อสัตย์หรือไม่
      สี่       พูดความลับออกมา เพื่อสังเกตความมีคุณธรรมของเขา
      ห้า     ให้เขาจัดการเรื่องทรัพย์สมบัติ ดูว่าเขาเป็นคนไว้ใจได้หรือไม่
      หก     ให้เขาเข้าใกล้สตรีเพศ ดูว่าเขายังคงเป็นตนเองได้หรือไม่
      เจ็ด    ให้เขาทำงานที่ยากลำบาก ดูว่าเขามีความกล้าหาญหรือไม่
     แปด    ให้เขากินเหล้าจนเมา ดูว่าเขาจะแสดงท่าทางอย่างไร

              หากนำหลักเกณฑ์ทั้งแปดประการมาเป็นเครื่องพิจารณาในการดูคน คงต้องใช้วิธีการมากมายเพื่อให้ทราบคุณสมบัติดังกล่าว แต่ถ้าอยากได้คนดีมีฝีมือมาใช้จริง ๆ อย่างน้อยการลองนำวิธีการเหล่านี้มาใช้สักสามสี่ข้อ ย่อมเป็นเรื่องที่สมควรและจำเป็นที่เดียว

วันเสาร์, ตุลาคม 13, 2555

เหตุผลที่ทำให้คนไม่ประสบความสำเร็จ

เหตุผลที่ทำให้คนไม่ประสบความสำเร็จ

1. ขาดความกระหายใคร่อยาก
     หากคุณไม่ได้สิ่งที่คุณต้องการ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นจริงจัง หรือมิฉะนั้นคุณก็พยายามต่อรองราคาที่ต้องจ่ายไป

2. ไม่เต็มใจทุ่มเท
     เมื่อคุณเริ่มคิดว่าคุณอาจได้บางอย่างมาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย คุณจะพบว่าการทำอะไรบางอย่างยากขึ้นเรื่อย ๆ 

3.  ขาดความเชื่อมั่น
     การพูดว่าฉันทำไม่ได้ จะทำให้คุณทำไม่ได้จริง ๆ

4.  ต่อสู้กับเรื่องที่เป็นประเด็นส่วนตัว
     คนเราประสบความสำเร็จได้ยาก เมื่อพวกเขามีปัญหาทางด้านความรู้สึกมากมายเป็นตุ้มถ่วง

5.   ใช้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กน้อยมากเกินไป
     อย่าเฝ้าแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานที่เต็มไปด้วยกิจกรรมอันไม่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ

6.   ขาดความคิดสร้างสรรค์
     ถ้าคุณไม่ถามตัวเองว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ บ่อยครั้งพอ ใครบางคนจะถามคุณว่า ทำไมผมต้องจ้างคุณด้วย

7.   มีชีวิตอยู่กับอดีต
     ถ้าการมองย้อนอดีตทำให้คุณรู้สึกยอดเยี่ยมแล้ว คุณคงไม่ได้ทำอะไรในวันนี้มากพอ

8.   ขาดใจที่จดจ่อ
     เรื่องสำคัญคือ การคงเรื่องสำคัญไว้ให้เป็นเรื่องสำคัญต่อไป

9.   ความล้มเหลวในอดีต
     เพียงเพราะว่าคุณเคยล้มเหลวมาก่อนในอดีต ไม่ได้หมายความว่าคุณคือผู้ล้มเหลว

10. หมดพลังทางกาย ทางความรู้สึก หรือทางจิตวิญญาณ
     บางครั้งคุณแค่จำเป็นต้องกันเวลาไว้พักผ่อนและรวมพลังกลับเข้ามาใหม่ การทำเช่นนั้นจะทำให้คุณเกิดพลังเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหรือเพื่อปลุกความปรารถนาอันแรงกล้าที่มีต่อวิสัยทัศน์ครั้งเก่าก่อนขึ้นมาใหม่

Pages